ทำความรู้จัก LLC หรือบริษัทจำกัด และขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทในสหรัฐฯ

การเป็นเจ้าของธุรกิจมีความสนุกและตอบโจทย์เรื่องความเป็นอิสระ แต่ก็มาพร้อมกับความตื่นเต้นและท้าทายในเวลาเดียวกัน การประกอบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอาจให้ผลคุ้มค่า แต่ในความเป็นจริงก็มีความเสี่ยงไม่น้อย การจะเริ่มต้นทำธุรกิจใด ๆ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องคำนึงถึงโครงสร้างทางธุรกิจที่จะส่งผลต่อจำนวนเงินภาษีที่จะต้องจ่ายให้แก่รัฐ รวมทั้งการจัดการและดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน ความสามารถในการสร้างรายได้และทำกำไรให้กับธุรกิจตนเอง และประเด็น personal liability

โครงสร้างทางธุรกิจทั่วไปที่ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ รู้จักกันดี ได้แก่ กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship) ห้างหุ้นส่วน (Partnership) บริษัทจำกัด (Limited Liability Company หรือ LLC) บริษัทขนาดใหญ่ (Corporation) และสหกรณ์ (Cooperative)

บริษัทจำกัด หรือ LLC คืออะไร

บริษัทจำกัด หรือ Limited Liability Company หรือที่เรียกกันว่า LLC เป็นนิติบุคคลประเภทหนึ่งที่สามารถดำเนินงานได้อย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ และมีหลายโครงสร้างให้เลือก เช่น Single-member LLC, Multi-member LLC, L3C ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง LLC แบบแสวงหาและไม่แสวงหากำไร Series LLC ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบมีหลายบริษัทอยู่รวมกันเป็นลำดับขั้น และ PLLC ซึ่งเป็นบริษัท LLC ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นต้น

LLC เป็นโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานระหว่างองค์ประกอบของธุรกิจแบบห้างหุ้นส่วน (Partnership) และโครงสร้างธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่แบบ Corporation เข้าด้วยกัน โดยถือว่ามี “liability protection” มากกว่าบริษัทประเภทอื่น ๆ เนื่องจาก LLC จะแยกทรัพย์สินส่วนบุคคล (Personal assets) และทรัพย์สินซึ่งได้มาจากการประกอบอาชีพ (Professional assets) ออกจากกัน นั่นหมายความว่า ทรัพย์สินส่วนบุคคลของผู้ประกอบการหรือเจ้าของบริษัท เช่น ยานพาหนะ บ้าน และบัญชีออมทรัพย์ จะไม่ตกอยู่ในความเสี่ยงในกรณีที่บริษัทต้องเผชิญการฟ้องร้องหรือล้มละลาย

แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทแบบ LLC มีทางเลือกเกี่ยวกับภาษีที่ยืดหยุ่น ผู้ประกอบการสามารถขอนับผลกำไรและขาดทุนของ LLC ให้เป็นรายได้ส่วนตัว (personal income) ได้ โดยไม่ต้องจ่ายภาษี corporate tax เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีซ้ำซ้อน แต่สมาชิกบริษัท LLC จะถือว่ามีอาชีพ self-employed และต้องจ่ายภาษี self-employment tax สำหรับ Medicare และ Social Security นอกจากนี้ เจ้าของบริษัท LLC บางคนอาจเลือกที่จะเสียภาษีในฐานะเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship) แต่บางคนอาจเสียภาษีในฐานะบริษัทแบบ corporation ขึ้นอยู่กับโครงการและการดำเนินงาน ซึ่งที่ปรึกษาด้านภาษีจะสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับตัวเลือกที่ดีที่สุดได้

ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัท LLC ในสหรัฐฯ ทำได้เหมือนกับการจัดตั้งธุรกิจนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายในแบบอื่น ๆ ผู้ประกอบการจะได้รับหมายเลขประจำตัวนายจ้าง (Employer Identification Number หรือ EIN) และเลือกสมาชิกหรือคู่ค้า (Partners) ตั้งแต่หนึ่งรายขึ้นไป อย่างไรก็ตาม กฎเกณฑ์และกฎหมายการจัดตั้งบริษัทแบบ LLC ของแต่ละรัฐนั้นแตกต่างกัน ซึ่งเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องตระหนักและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และบางครั้งอาจทำให้เกิดความซับซ้อนในการทำธุรกิจกับหลายรัฐ

ทำไมผู้ประกอบการเลือกบริษัท LLC

หุ้นส่วนทางธุรกิจ (Business partners) หรือเจ้าของกิจการเดี่ยว (Solopreneurs) บางรายจัดตั้งบริษัทในรูปแบบ LLC เพื่อปกป้องการเงินและทรัพย์สินส่วนบุคคล เนื่องจาก LLC จำกัดภาระหนี้สินและความรับผิดชอบส่วนบุคคล หากธุรกิจของใด ๆ กำลังถูกฟ้องร้องหรือล้มละลาย เจ้าหนี้ไม่สามารถเข้าถึงการเงินและการลงทุนในส่วนบุคคลของเจ้าของธุรกิจนั้น ๆ ได้ บริษัทแบบ LLC จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจที่มีความเสี่ยงระดับกลางถึงความเสี่ยงสูง รวมถึงเจ้าของกิจการที่ต้องการปกป้องทรัพย์สินส่วนบุคคล และเจ้าของกิจการที่ต้องการจ่ายภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบริษัทขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractors) หรือฟรีแลนซ์ (Freelancers) มักจัดตั้งบริษัทแบบ LLC เพื่อตอบสนองลูกค้าที่มีความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายการจ้างงานที่เกี่ยวกับงานฟรีแลนซ์ หรือผู้รับจ้างงานตามสัญญา (Contract workers) ให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในการใช้บริการว่าจ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐส่วนมากไม่อนุญาตให้ธุรกิจบางประเภท เช่น บริษัทประกันภัยและธนาคาร ใช้โครงสร้างธุรกิจแบบ LLC

ดังนั้น บริษัท LLC จึงได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการที่เพิ่งตั้งธุรกิจใหม่ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ มีความยืดหยุ่นเกี่ยวกับการดำเนินการด้านภาษี และให้ความคุ้มครอง personal liability มากกว่าธุรกิจในแบบห้างหุ้นส่วน (Partnership) หรือนิติบุคคลเจ้าของคนเดียว (Sole proprietorship)

ขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท LLC

1.) เลือกชื่อของบริษัทหรือองค์กร

แม้การตั้งชื่อธุรกิจมักจะขึ้นอยู่กับการตลาดและการสร้างแบรนด์ แต่ก็ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายของแต่ละรัฐด้วย โดยทั่วไปกฎหมายของรัฐจะไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อธุรกิจที่ถูกใช้แล้วในรัฐนั้น ๆ และรัฐส่วนใหญ่ยังห้ามคำบางคำที่อาจสื่อเป็นนัยว่าอยู่ในธุรกิจ เช่น ประกันหรือธนาคาร และเจ้าของธุรกิจอาจต้องใส่ “LLC” ต่อท้ายชื่อธุรกิจด้วย โดยสามารถศึกษาข้อกำหนดการตั้งชื่อ LLC ของแต่ละรัฐ และตรวจสอบว่า มีผู้ใช้ชื่อที่ต้องการไปแล้วหรือไม่ ที่เว็บไซต์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการยื่นเอกสารทางธุรกิจ ซี่งโดยปกติคือ Secretary of State ของแต่ละรัฐ

2.) กำหนดผู้แทนจดทะเบียน (Registered Agent)

ทุกรัฐกำหนดให้บริษัท LLC มีผู้แทนจดทะเบียน (Registered Agent) ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้รับเอกสารอย่างเป็นทางการหรือเอกสารตามกฎหมาย เช่น หมายศาล ในนามของบริษัท LLC ซึ่งมักจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายท้องถิ่น

บุคคลใดก็ตามที่มีอายุอย่างน้อย 18 ปีขึ้นไป สามารถเป็นผู้แทนจดทะเบียนได้ โดยเจ้าของธุรกิจสามารถระบุชื่อตนเองหรืออนุญาตให้ลูกจ้างหรือพนักงานเป็นผู้แทนจดทะเบียนได้ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่เป็นผู้แทนจดทะเบียนจะต้องปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการปกติในรัฐที่บริษัท LLC นั้น ๆ จดทะเบียน อย่างไรก็ดี เจ้าของธุรกิจสามารถใช้บริษัทที่ให้บริการผู้แทนจดทะเบียนได้ โดยมักมีค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งร้อยดอลลาร์ต่อปี

3.) รับสำเนาแบบฟอร์ม Articles of Organization สำหรับบริษัท LLC ของแต่ละรัฐ

ในการจัดตั้งบริษัท LLC อย่างถูกกฎหมาย เจ้าของกิจการจะต้องยื่นเอกสารกับหน่วยงานในรัฐที่บริษัทตั้งอยู่ ซึ่งเอกสารนี้เรียกว่า Articles of Organization ซึ่งในบางรัฐอาจจะใช้ชื่อแตกต่างกัน เช่น Certificate of Formation

4.) เตรียมแบบฟอร์ม Article of Organization สำหรับบริษัท LLC

แต่ละรัฐมีข้อกำหนดและขั้นตอนเฉพาะสำหรับผู้ที่จะจัดตั้งบริษัท LLC โดยข้อมูลพื้นฐานที่เจ้าของกิจการต้องระบุประกอบด้วย:

  • ชื่อธุรกิจ/บริษัท
  • ที่อยู่ของสถานที่ประกอบธุรกิจหลัก
  • วัตถุประสงค์ของธุรกิจ
  • วิธีบริหารจัดการบริษัท
  • ข้อมูลติดต่อสำหรับผู้แทนจดทะเบียน (ในบางรัฐจะต้องมีลายเซ็นของผู้แทนจดทะเบียน)
  • ระยะเวลาดำเนินงานของบริษัท

เมื่อขั้นตอนเหล่านี้เสร็จสมบูรณ์ เจ้าของธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งรายจะต้องลงนามในแบบฟอร์ม

ในบางรัฐ เช่น เนแบรสกาและนิวยอร์ก กำหนดให้เจ้าของธุรกิจต้องลงประกาศในหนังสือพิมพ์เพื่อระบุความต้องการจดทะเบียนบริษัท LLC ซึ่งขั้นตอนนี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนที่จะยื่นเอกสาร Article of Organization

5.) ยื่นเอกสาร Article of Organization

เจ้าของธุรกิจจะต้องตรวจสอบเอกสาร Article of Organization อย่างรอบคอบก่อนที่จะยื่นส่งไปยังรัฐ และจ่ายค่าธรรมเนียมการยื่นเอกสารเหล่านั้น ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ

เมื่อเอกสารการจัดตั้งบริษัทได้รับการอนุมัติ เจ้าของธุรกิจจะได้รับใบรับรองจากรัฐเพื่อระบุว่า บริษัท LLC ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ เจ้าของธุรกิจจะสามารถใช้ใบรับรองดังกล่าวสำหรับการดำเนินงานอื่น ๆ เช่น การรับหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือการเปิดบัญชีธนาคารของบริษัท

6.) กำหนดข้อตกลงในการดำเนินงาน (Operating Agreement)

ข้อตกลงการดำเนินงานประกอบด้วยรายละเอียดของสิทธิทางการเงิน กฎหมาย และการจัดการของสมาชิกทั้งหมดของบริษัท LLC โดยอาจรวมถึงวิธีกระจายผลกำไร การดำเนินการเมื่อสมาชิกออกจากบริษัท และแหล่งที่มาของเงินทุนของธุรกิจ เป็นต้น โดยสามารถจัดทำได้เอง หรือว่าจ้างทนายความหากโครงสร้างการจัดการบริษัทมีความซับซ้อน

อย่างไรก็ดี ในหลาย ๆ รัฐไม่ได้บังคับให้บริษัทมีข้อตกลงในการดำเนินงาน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าของธุรกิจไม่จำเป็นต้องกำหนดข้อตกลงของบริษัท บริษัท LLC ใดก็ตามที่มีสมาชิกหรือหุ้นส่วนมากกว่าหนึ่งรายควรกำหนดข้อตกลงในการดำเนินงาน เพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกทุกคนเห็นด้วยกับสิทธิและความรับผิดชอบของตน และแม้แต่เจ้าของธุรกิจเดี่ยวก็ยังได้รับประโยชน์จากการร่างรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร

7.) เริ่มทำธุรกิจ และตรวจสอบรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม

การจัดตั้งบริษัท LLC เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เจ้าของธุรกิจควรตรวจสอบและดำเนินการอีกหลาย ๆ เรื่อง เช่น

– ตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรท้องถิ่นว่า ธุรกิจของตนต้องมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหรือเสียค่าธรรมเนียมใดเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งมีบริษัทที่ให้บริการให้คำปรึกษาด้านการก่อตั้งธุรกิจ หากต้องการความช่วยเหลือ

– ขอรับหมายเลขประจำตัวนายจ้าง (Employer Identification Number หรือ EIN) และเปิดบัญชีสำหรับธุรกิจเพื่อแยกทรัพย์สินของธุรกิจและส่วนตัวออกจากกัน เป็นการคุ้มครองจาก personal liability และ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี เพื่อตรวจสอบสถานะทางภาษีของบริษัทและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยข้อควรระวังอย่างหนึ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจและสมาชิกบริษัท LLC คือ วิธีการจ่ายเงินเดือนให้ตนเอง โดยทั่วไปการถอนเงินออกจากบัญชีธุรกิจที่เชื่อมโยงกับบริษัท LLC นั้น ต้องระบุว่าเป็น “การถอนเงินของเจ้าของบริษัท” ซึ่งเป็นการปฏิบัติต่อตนเองในฐานะพนักงานบริษัทที่ได้รับค่าจ้าง และเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้จ่ายเงินของบริษัทเพื่อการใช้งานส่วนตัว

– หากต้องการทำธุรกิจในรัฐอื่นในลักษณะ intrastate เช่น การตั้งโกดังสินค้าในต่างรัฐเพื่อส่งไปขายในรัฐนั้น ๆ อาจต้องมีการจดทะเบียนเป็น foreign LLC ในรัฐนั้น ๆ ด้วย แต่การทำธุรกิจแบบ interstate เช่น การจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าในรัฐอื่น มักไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน

– ดำเนินงานเพื่อรักษาสถานะที่ดีของธุรกิจ (remain in good standing) กับรัฐที่จดทะเบียน โดยสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในเว็บไซต์ของรัฐที่ยื่นเอกสารขอจัดตั้งบริษัท และในบางกรณี เจ้าของธุรกิจอาจต้องยื่นรายงานประจำปีเพื่ออัพเดตข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและชำระค่าธรรมเนียมการยื่นรายปี

อ้างอิง

https://www.forbes.com/advisor/business/how-to-set-up-an-llc-in-7-steps/

https://www.sba.gov/business-guide/launch-your-business/choose-business-structure#:~:text=Your%20business%20structure%20affects%20how,your%20business%20with%20the%20state.

https://www.usnews.com/360-reviews/business/llc-services/how-to-set-up-an-llc

1,996 views

Newsletter Subscription

สนใจรับข่าวสารและกิจกรรมที่เป็นโอกาสของไทย
Email Address
Secure and Spam free...
Go to Top